เสด็จประทับพลับพลาพระราชพิธีตรงที่ทรงเคยขุดดินประกอบพระราชพิธีกระทำพระฤกษ์ไว้เมื่อ ๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๓๔ จากนั้นทรงตรึงหมุดที่รางทองรางเงิน ข้างเหนือให้ติดกับหมอนไม้มะริดคาดเงิน มีอักษรจารึก เป็นพระฤกษ์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงตึงหมุดที่รางทองรางเงิน ข้างใต้ แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และทูตานุทูต ช่วยกันตรึงต่อไปจนเสร็จทั้ง ๒ ราง
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเจิมรถไฟพระที่นั่ง แล้วเสด็จพระราชดำเนินขึ้นสู่รถไฟพระที่นั่ง ผ่านเส้นทางต่างๆ จนถึงพลับพลาหลวง สถานีพระราชวังบางปะอิน ประทับเสวยพระกระยาหารกลางวัน พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ผู้น้อย และทูตานุทูต ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับถึงสเตชั่นกรุงเทพฯ เวลา ๖ โมงเย็นเศษ
สำหรับรถไฟสายสเตชั่นกรุงเทพฯ – กรุงเก่า นี้ กรมรถไฟจะได้เปิดเดินรถอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ ๒๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๓๙ โดยจะมีรถไฟวิ่งไปมาวันละ ๔ เที่ยว ขบวนแรกเที่ยวขึ้น ออกจากสเตชั่นกรุงเทพฯ เวลาย่ำรุ่ง ๖ โมง ๔๕ นาที กับเวลาบ่าย ๓ โมง ๑๙ นาที ส่วนเที่ยวล่อง ออกจากกรุงเก่า เวลาย่ำรุ่ง ๖ โมง ๔๑ นาที กับเวลาบ่าย ๓ โมง ๑๕ นาที
อัตราราคาค่ารถโดยสาร จากสเตชั่นกรุงเทพฯ ถึงสเตชั่นกรุงเก่า ชั้นที่ ๑ ราคา ๔ บาท ๒๔ อัฐ และชั้นที่ ๓ ราคา ๑ บาท ๗ อัฐ
อนึ่ง กิจการถไฟสยามนั้น เริ่มขึ้นมาตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๓๙๘ ในรัชกาลก่อน เมื่อควีนวิตอเรียแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ถวายรถไฟจำลอง เพื่อดลพระราชหฤทัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงคิดสถาปนากิจการรถไฟสยามขึ้นในราชอาณาจักร
ต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๔๐๑ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บริษัทรถไฟสยาม ซึ่งก่อตั้งโดยชาวอังกฤษ สร้างทางรถไฟข้ามคอคอดกระสำหรับการพาณิชย์ได้ ภายใต้เงื่อนไขของรัฐบาลสยาม แต่บริษัทรถไฟสยามประสบอุปสรรค์บางอย่าง สุดท้ายเรื่องนี้ก็เงียบหายไป
จนกระทั่งถึงปีพุทธศักราช ๒๔๑๔ ในรัชกาลปัจจุบัน หลังพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินกลับจากเสด็จประพาสอินเดีย ได้เกิดข่าวลือว่ารัฐบาลสยามกำลังจะสร้างทางรถไฟขึ้นภายในประเทศ จนมีชาวยุโรปหลายชาติเสนอเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างาทางรถไฟให้แก่รัฐบาลสยาม แต่ทรงปฏิเสธเนื่องจากทุนรอนซึ่งจะทำการรถไฟยังมีไม่พอ
ครั้นถึงปีพุทธศักราช ๒๔๒๘ อังกฤษเจรจาขอสร้างทางรถไฟระหว่างพม่ากับจีน ผ่านทางสยามที่ตาก (ระแหง) แต่รัฐบาลสยามปฏิเสธ อย่างไรก็ดีรัฐบาลสยามมีแผนการที่จะสร้างทางรถไฟ กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ – เชียงแสน อยู่แล้ว โดยยินดีจะให้อังกฤษสร้างทางรถไฟจากมะละแหม่งมาที่ชายแดนสยาม แล้วรัฐบาลสยามยินดีจะให้มีทางแยกไปเชื่อมต่อกันที่ตาก (ระแหง)
สำหรับทางรถไฟสายเหนือตามพระราชดำรินั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ อนุมัติให้บริษัทอังกฤษสำรวจเส้นทาง กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ และทางแยก สระบุรี – นครราชสีมา, อุตรดิตถ์ – ท่าเดื่อ, เชียงใหม่ – เชียงราย – เชียงแสน ตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๔๓๐ บริษัทอังกฤษดังกล่าวนั้นสำรวจเส้นทางแล้วเสร็จพร้อมเสนอแผนผังทางเดินรถไฟ ในปี ๒๔๓๓ สิ้นค่าสำรวจเป็นเงิน ๖๓๐,๐๐๐ บาท
ในปีพุทธศักราช ๒๔๒๙ รัฐบาลสยามอนุมัติสัมปทานแก่บริษัทชาวเดนมาร์ค สร้างทางรถไฟ กรุงเทพฯ – สมุทรปราการ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินแซะดินเป็นปฐมฤกษ์เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๓๔ และเสด็จพระราชดำเนินเปิดเดินรถได้ในวันที่ ๑๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๓๖ นับเป็นรถไฟสายแรกของสยาม ที่ดำเนินกิจการหารายได้โดยชาวต่างชาติ และจะสิ้นสุดสัมปทานในปีพุทธศักราช ๒๔๗๙ รวมเวลาสัมปทาน ๕๐ ปี
ต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๔๓๔ กรมรถไฟ ซึ่งตั้งขึ้นในปี ๒๔๓๓ อยู่ในสังกัดกระทรวงโยธาธิการ ได้เปิดซองประมูลสร้างทางรถไฟ กรุงเทพฯ – นครราชสีมา เป็นทางกว้างขนาด ๑.๔๓๕ เมตร และได้เสด็จพระราชดำเนินประกอบพระราชพิธีกระทำพระฤกษ์เริ่มสร้างทางรถไฟ ณ บริเวณสเตชั่นกรุงเทพฯ ในวันที่ ๙ มีนาคม ๒๔๓๔
ทางรถไฟสาย กรุงเทพฯ – นครราชสีมา นี้ สร้างเสร็จช่วงแรกแล้ว ระหว่างสเตชั่นกรุงเทพ – กรุงเก่า นับเป็นทางรถไฟสายแรกที่ดำเนินกิจการโดยรัฐบาลสยามเป็นเจ้าของ โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาประกอบพระราชพิธีเปิดดังกล่าว.”
[การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ถือเอา วันที่ ๒๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๓๙ เป็นวันสถาปนากิจการรถไฟ สืบมาจนถึงปัจจุบัน]